ถ้าพูดถึงเรื่องของการจัดฟัน หลายคนอาจคิดว่าการจัดฟันสามารถทำได้ในวัยรุ่น หรือ ผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ที่จริงแล้ว เด็กก็สามารถจัดฟันได้เช่นกัน การจัดฟันเด็กนั้นเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุประมาณ 6 – 7 ปี ไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เพราะความจริงแล้วฟันของเด็กจะมีการเรียงตัวได้ดีกว่าช่วงวัยรุ่น วันนี้คลินิกทันตกรรม CIDC จะมาอธิบายเกี่ยวกับการจัดฟันในเด็ก ให้ทุกคนเข้าใจมากยิ่งขึ้นค่ะ
ความรู้เกี่ยวกับการจัดฟันสำหรับเด็ก
เด็กจำเป็นต้องจัดฟันหรือไม่
การจัดฟันจะขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล ในบางเคสเด็กไม่ได้มีปัญหามากก็ไม่จำเป็นต้องจัดฟัน แต่หากมีลักษณะฟันที่มีความผิดปกติมาก และส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ก็อาจจะต้องจัดฟันเด็กเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งเราแนะนำว่าควรปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาจัดฟัน เพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด
อ่านเพิ่มเติม : จัดฟัน ดัดฟัน โดยหมอจัดฟันเฉพาะทาง เชียงใหม่ เดนทัล (คลิก)
ควรเริ่มจัดฟันเด็กตอนไหนดี
การจัดฟันนั้นอาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะต้องอาศัยการดูลักษณะของฟันด้วยเช่นกัน รูปแบบการจัดฟันของเด็กจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบตามลักษณะของฟัน
1. ฟันชุดผสม การจัดฟันเด็กตอนจะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 7 – 12 ปี เด็กจะมีฟันผสมกันอยู่ระหว่างฟันน้ำนม และฟันแท้ ช่วงนี้สามารถจัดฟันได้ ซึ่งจะมีประโยชน์ในการช่วยวางพื้นที่สำหรับฟันแท้ที่จะขึ้นมาทดแทนฟันน้ำนม
2. ฟันแท้ขึ้นครบแล้ว การจัดฟันเด็กตอนจะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 12 – 13 ปี นอกจากฟันแท้จะขึ้นครบแล้ว ขากรรไกรก็เริ่มมีการเจริญเติบโต ทำให้การขยายหรือลดรูปร่างขากรรไกรทำได้ง่ายขึ้น และช่วงนี้เหมาะสำหรับการจัดฟันมากที่สุด
6 คำถามที่พบบ่อย” เกี่ยวกับการจัดฟัน
ควรจัดฟันเมื่ออายุเท่าไหร่ถึงเท่าไหร่?
โดย ทพญ.ภัทรา ทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาทันตกรรมจัดฟัน
ประจำ CIDC เชียงใหม่เดนทัล คลินิกทันตกรรม
ปัญหาฟันแบบไหน ที่เด็กควรจัดฟัน
- ฟันซ้อน ฟันเก ฟันขึ้นผิดตำแหน่ง : เป็นลักษณะของฟันที่มีการขึ้นผิดปกติ เช่น ฟันขึ้นเบี้ยวผิดรูป ฟันเรียงซ้อนกันกับฟันซี่อื่น เป็นต้น
- ฟันสบ / ฟันสบลึก : เป็นลักษณะของฟันหน้าด้านบนคร่อมปิดฟันหน้าด้านล่างมากกว่าปกติ ซึ่งทำให้มีโอกาสการเกิดการเสียวฟัน หรือฟันสึก เมื่อโตขึ้นหากไม่ทำการรักษาก็อาจทำให้เกิดความเสียหายกับเหงือก และรากฟันได้
- ฟันยื่น / ฟันเหยิน : เป็นลักษณะที่ฟันด้านบนยื่นออกมามากผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้บุคลิกภาพดูไม่ค่อยดี
- ฟันเกิน : เป็นภาวะที่ฟันขึ้นเกินปกติ ซึ่งฟันเกินนี้อาจจะงอกขึ้นหรือฝังอยู่ในขากรรไกร สามารถพบได้ในฟันน้ำนมและฟันแท้ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นตามมา เช่น ฟันงอกผิดตำแหน่งหรืองอกไปขวางฟันซี่อื่น เป็นต้น
- ขากรรไกรผิดปกติ : อาจทำให้มีปัญหาขากรรไกรค้าง อ้าปากแล้วปากเบี้ยว หรือการมีปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร
อ่านเพิ่มเติม : จัดฟัน แบบไหนเห็นผลดีที่สุด (คลิก)
การจัดฟันเด็กมีอะไรบ้าง
เครื่องมือจัดฟันสำหรับเด็กแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
การจัดฟันแบบติดแน่น
การจัดฟันแบบโลหะ : เป็นการจัดฟันที่ติดเครื่องมือไว้บริเวณผิวหน้าของฟัน ไม่สามารถถอดเครื่องมือออกเองได้ ประกอบด้วย 2 แบบ คือ แบบใช้ยางรัด ( O-ring ) และแบบไม่ใช้ยางรัด
การจัดฟันเซรามิก : เป็นการจัดฟันแบบติดเครื่องมือ ซึ่งเครื่องมือนั้นมีสีใกล้เคียงกับฟัน เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากให้คนอื่นมองเห็นเครื่องมือจัดฟัน หรือคนที่มีการแพ้เหล็กจัดฟันแบบโลหะ
การจัดฟันแบบดามอน : เป็นการจัดฟันที่ติดเครื่องมือไว้บริเวณผิวหน้าของฟันเช่นเดียวกับการจัดฟันแบบโลหะ แต่จะมีความแตกต่างกันแค่แบร็คเก็ตของการจัดฟันแบบนี้จะเป็นสีโลหะล้วน หรือสีใส และใช้ระยะเวลาในการจัดฟันน้อยกว่าแบบโลหะ
อ่านเพิ่มเติม : ความแตกต่างระหว่าง invisalign กับการจัดฟันแบบอื่น (คลิก)
สอบถามข้อมูลจัดฟัน ผ่าน LINE Official Account เชียงใหม่ CIDC /add เลย!
ก่อนจัดฟันเด็ก ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
อันดับแรกต้องเลือกคลินิกทันตกรรมที่ได้มาตรฐาน มีความสะอาด รวมไปถึงมีทันตแพทย์ที่มีความเฉพาะด้าน เพื่อความมั่นใจในการรักษา เมื่อได้คลินิกแล้ว นัดเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อให้ทันตแพทย์ทำการประเมินการรักษา และให้คำแนะนำ
- ทันตแพทย์จะทำการตรวจในช่องปากเพื่อหาความผิดปกติ โดยอาจจะทดสอบการกัด พร้อมกับการ X-ray เพื่อนำมาวิเคราะห์ความผิดปกติที่ควรได้รับการแก้ไข
- ทันตแพทย์จะตรวจดูความสะอาดสุขภาพช่องปาก และฟัน หากมีฟันผุต้องอุดฟัน และเคลียร์ช่องปาก ขูดหินปูน ขัดฟันให้เรียบร้อย
- ทันตแพทย์แจ้งแผนการรักษา และแนะนำการจัดฟันแบบไหนที่เหมาะสม และทำการนัดหมาย
- ติดตามผลการรักษา
หลังเด็กจัดฟันแล้ว ควรดูแลตัวเองยังไง
- หากจัดฟันแบบติดแน่น ควรเลือกใช้แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟันโดยเฉพาะ
- หากจัดฟันแบบติดแน่น ควรเลี่ยงการเคี้ยวอาหารเหนียว และแข็ง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อเครื่องมือจัดฟันได้
- แปรงฟันอย่างถูกวิธี และแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- ควรใช้แปรงซอกฟันหรือไหมขัดฟันเป็นประจำ
- พบทันตแพทย์ทุกครั้งที่มีการนัดหมาย
- ตรวจสุขภาพช่องปาก และฟัน ทุก ๆ 6 เดือน
วิธีป้องกันฟันผุ | สูตรลับฟันดี 2-2-2
แปรงฟันอย่างถูกวิธี วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการดูแลสุขภาพช่องปาก และฟัน เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาของฟันผุ หรือโรคต่าง ๆ ด้วยวิธีการแปรงฟันให้ถูกวิธี และแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
โดยวางแปรงที่บริเวณคอฟัน และเหงือก ทำมุม 45 องศากับขอบเหงือก เพื่อแปรงให้ถึงร่องเหงือกและซอกฟัน ซึ่งเป็นจุดสะสมของคราบพลัคที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหินปูน และเริ่มแปรงจากด้านนอกของฟันบนก่อนแล้วขยับแปรงวนเป็นวงกลม ค่อย ๆ ขยับแปรงไล่ไปด้านในของฟันบน แล้วจึงตามด้วยฟันล่างทั้งด้านนอก และด้านใน
สรุป
หากเด็กมีปัญหาเรื่องฟัน มีลักษณะฟันที่มีความผิดปกติมาก และส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันก็อาจจะต้องจัดฟันเด็กเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และก่อนจะตัดสินใจจัดฟัน ควรค้นหาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะถ้าหากเราพลาดไปแล้วการที่จะกลับมาเหมือนเดิมค่อนข้างยาก อาจเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่เหมาะสม เสียเวลาที่ต้องไปพบทันตแพทย์อีกด้วย
*สิ่งสำคัญในการเลือกจัดฟัน ควรเลือกจัดฟันกับทันตแพทย์ผู้ให้การรักษาด้านจัดฟันเท่านั้น เพื่อผลลัพธ์การรักษาออกมาดีที่สุด
สำหรับผู้ที่มีความสนใจจัดฟัน ปรึกษาเรื่องฟัน
สามารถติดต่อสอบถาม-จองคิว เพื่อเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้เลยค่ะ
ติดต่อเรา คลินิกทันตกรรมเชียงใหม่
เชียงใหม่เดนทัล คลินิกทันตกรรม (CIDC)
อีเมล์ : contact@chiangmaidentist.com
มือถือ : 095-517-5782
โทร : 052-089-323 หรือ 052-089-322